10 เทคนิค ยิง Google Ads ยังไงให้ได้ลูกค้าเพียบ! 

เพิ่มยอดขายด้วยการ ยิง Google Ads

วันนี้ครูบอย มีเรื่องเด็ดๆ อย่าง Google Ads มาฝาก สำหรับคนที่หาทางเลือกในการเพิ่มยอดขายจากการยิงแอดโฆษณาอย่าง Facebook

เจ้า Google Ads เป็นอีกเครื่องมือ ที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราเติบโตแบบก้าวกระโดด ถ้าทำให้ถูกทาง
แต่จะทำยังไงให้ยิงแล้วปัง ได้ลูกค้าเพียบ? ครูบอย มีเทคนิคลับมาฝากครับ

Google Ads ก็คือ การซื้อโฆษณาบน Google นั่นเอง เวลาเราค้นหาอะไรสักอย่างใน Google จะมีโฆษณาขึ้นมาด้านบนหรือด้านข้างของผลการค้นหาครับ นั่นแหละคือ Google Ads! ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เว็บไซต์เราได้รับการมองเห็น เวลาผู้คนค้นหาใน Google

ส่วนอีกวิธีเรียกกันว่า Search Engine Optimization หรือ SEO ซึ่งวิธีนี้ เราไม่ต้องจ่ายเงินให้ Google เพื่อให้ขึ้้นอันดับ แต่ต้องอาศัยเทคนิคในการทำให้เว็บไซตืเราติดอันดับ ซึ่งกว่าจะติดอันดับในหน้าแรกๆ อาจจะต้องใช้เวลานาน ถึงนานมาก เมื่อเทียบกับ การยิง Google Ads และต้องอาศัยเทคนิคล้ำลึกในการทำ SEO พอสมควร ลองอ่านวิธีการทำ SEO คร่าวๆ ได้ที่บทความนี่้
> SEO คืออะไร อธิบายแบบหมดเปลือก เข้าใจง่าย อ่านรอบเดียวรู้เรื่อง!
> 5 สเต็ปหลัก SEO อยากติดหน้าแรก Google ไว ๆ ต้องรู้

GOogle ads คืออะไร SEO คืออะไร

10 หลักการ ยิง Ads ยังไงให้ได้ลูกค้า

1. รู้จักกลุ่มเป้าหมายให้ลึกซึ้งก่อนจะยิงแอดอะไร

ต้องรู้ก่อนว่าลูกค้าเราเป็นใคร การกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงลูกค้าที่สนใจสินค้าหรือบริการของคุณได้อย่างตรงจุด คุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย เช่น อายุ เพศ สถานที่ ความสนใจ และพฤติกรรมการใช้งาน ชอบอะไร ฯลฯ ยิ่งรู้ลึก ยิ่งทำให้ยิงแม่น! ครับ

2. เลือกคีย์เวิร์ดให้เป๊ะปัง

คีย์เวิร์ดสำคัญมาก! เลือกให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้ากำลังค้นหา ซึ่งคุณสามารถใช้ Google Keyword Planner

โดยเข้าไปที่ GOogle Ads ของคุณ กด TOOLS(เครื่องมือ) > Keyword Planner (เครื่องมือวางแผนคีย์เวิร์ด)
แต่อย่าลืมดูด้วยว่าคู่แข่งแย่งกันเยอะไหม ถ้าเยอะเกินไป อาจจะลองหา คีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจง กว่านี้ดู หรือ ที่เรียกว่า Long-tail Keywords เพื่อเจาะจงกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสเป็นลูกค้าสูงกว่า

เช่น หากขาย รองเท้าไนกี้ คุณลองใช้ คีย์เวิร์ด ” รองเท้าไนกี้ ราคาถูก ” หรือ “รองเท้าไนกี้ มือสอง สภาพใหม่” ฯลฯ

Google Keyword planner

นอกจากเครื่องมือหาคีย์เวิร์ดแบบฟรีๆ ของ Google แล้ว ก็ยังมีแบบที่เสียเงิน อย่างพวก Ubersuggest , Ahrefs  ซึ่งเครื่องมือออนไลน์เหล่านี้ คุณสามารถสมัครทดลองใช้ฟรีได้ หากพอใจก็สมัครแบบเสียเงินก็ได้

3. ใช้ข้อความโฆษณาที่โดนใจ

เขียนข้อความโฆษณาให้น่าสนใจ ชวนให้คลิก ข้อความที่โดนใจ มักจะเป็นข้อความประเภทที่แก้ปัญหาให้ลูกค้า เน้นความต้องการของลูกค้า ใส่ผลลัพท์ที่เป็นจริง ยิ่งมาข้อมมูลตัวเลขสนับสนุน ก็ยิ่งดี  แต่ก็ต้องไม่เกินจริงและไม่ผิดกฏของ Google Ads

ตัวอย่างเช่น หากคุณยิงแอดให้ลูกค้ามาซื้อรองเท้าราคาถูก คุณอาจ เขียนในแบบ “ลูกค้าของเราต่างบอกว่า รองเท้าของเรา ถูกจริง ประหยัดเงินได้กว่า 20 %” อะไรแบบนี้

อย่าลืมใส่ Call-to-Action ที่ชัดเจน เช่น โทรเลย ซื้อเลย ฯลฯ แต่ต้องไม่ละเมิดกฏของเค้านะครับ

4. สร้าง Landing Page ต้องโดน!

คีย์เวิร์ดได้ ข้อความโดน ราคาเหมาะ แต่ Landing Page ห่วย ก็จบกันครับ ! เพราะเมื่อคุณยิงโฆษณาไปถึงกลุ่มเป้าหมายๆก็จะเห็น Landing Page หรือที่ชอบเรียกกันว่า Salespage ถ้านั้นไม่ตอบโจทย์เขาเหล่านั้น คุณก็เสียเงินเปล่า ที่สำคัญ Landing Page เป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ผลต่อคะแนนอันดับโฆษณาของคุณ (Ads Rank) และมีผลต่อ Quality Score หรือคะแนนที่ Google ใช้ตัดสินว่าจะแสดงโฆษณาของคุณหรือไม่

เช่น หากคุณยิง Ads ที่เกี่ยวกับ รองเท้าราคาถูก แต่ ยิงไปหน้า Landing Page ที่มีถุงเท้า เสื้อผ้า ที่มีอยู่ในเว็บไซต์คุณด้วย โอกาสที่โฆษณาของคุณจะไม่แสดงอาจมีสูง ฯลฯ

ดังนั้น นอกจาก จะต้องทำให้ Landing Page ดูเหมาะสม สวยงามแล้ว ยังต้องเกี่ยวข้องกับโฆษณา Google Ads ที่คุณยิงออกไปด้วยครับ

5. ใช้ Remarketing ให้เป็น

Remarketing คือการยิง โฆษณาซ้ำไปยังคนที่เคยเห็นเว็บเรา หรือ เห็นโฆษณาของเราอย่างน้อย 1 ครับ และคนที่เคยเข้ามาดูเว็บเราแล้ว มีโอกาสซื้อสูงกว่าคนใหม่ๆ ! อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักการที่ชัดเจนว่า คนเห็นโฆษณาเรากี่ครั้งถึงจะซื้อสินค้าของเรา แต่ที่แน่นอน คือ โอกาสการซื้อของๆเรา จากการเห็นเราซ้ำๆ สูงขึ้นแน่นอน ครับ

6. Mobile -Support Design มือถือต้องดูได้

อย่าลืมเรื่อง Mobile คนส่วนใหญ่ใช้มือถือในการเสพคอนเทนต์ยุคนี้ ดังนั้น ต้องทำให้แน่ใจว่าโฆษณา Google Ads (Responsive Ads) ของเราและ Landing Page รองรับมือถือด้วยครับ

7. ตั้งงบประมาณอย่างฉลาด

เริ่มต้นด้วยงบที่พอดี หรือ มือใหม่ยังไม่ชัวร์ ก็เริ่มจากน้อยๆ ก่อน เพื่อดูผลก็ยังได้  แล้วค่อยๆ เพิ่มเมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ดี อย่าทุ่มงบทั้งหมดไปกับแคมเปญเดียวนะครับ

8. ใช้ Ads Assets (Extensions) ให้คุ้ม

Google มี Assets ให้เราใช้ฟรีๆ มากมายครับ เดิมเรียกว่า Ads Extensions ก่อนเปลี่ยนเป็น Assets

แล้วมันคืออะไร ? Assets เป็นตัวเสริมให้โฆษณาของเราน่าสนใจมากขึ้น และช่วยทำให้กลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่กดตัวแอดเราโดยตรง แต่สามารถกดโทรหาเราก็ได ้หรือ ศึกษาสินค้าอื่นของเราก็ได้ ฯลฯ

Google Ads Assets (เดิมเรียก Extension)

 

อย่างภาพด้านบน ตัวโฆษณาหลักคือ Adidas Thailand Official – shop adidas Online Now แต่กลุ่มเป้าหมายสามารถกดลิ๊งตัวเสริมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Adidas Originals / Adidas Running ฯลฯ เป็นการเพิ่มโอกาสการขายได้ด้วยครับ
ซึ่งตัว Assets นี้มีให้เลือกใช้ถึง 12 Assets ครับ เช่น Sitelink, Call, Location หรือ Review Extensions ฯลฯ ไว้ครูบอยจะมาคุยให้ฟังโดยละเอียดครับ

9 . ติดตามคอนเวอร์ชั่นอย่างใกล้ชิด

สุดท้ายนี้ อย่าลืมติดตั้งระบบติดตามคอนเวอร์ชัน ตัว Google Ads มีเครื่องมือที่เรียกว่า Conversion Tracking หรือ ที่เรียกว่า เครื่องมือวัดคอนเวอร์ชั่น ซึ่งจะช่วยให้เรารู้ว่า กลุ่มและชิ้นโฆษณาตัวไหนที่สร้างยอดขายจริงๆ จะได้ปรับปรุงแคมเปญให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

Google Ads Conversion คอนเวอร์ชั่น

เราสามารถตั้งค่าได้โดยเข้าไปที่ เมนู Goal (เป้าหมาย) > Conversion ตามรูปได้เลย โดย การตั้ง Goal ซึ่งจะมีให้เราตั้งเป้าหมายได้ 4 แหล่งครับ คือ จากเว็บไซต์ , จากแอป, จากการโทร. และจากแหล่งภายนอก GOOGLE ADS โดยการนำเข้าไฟล์ เช่นจากรายชื่อที่มีอยู่ของเรา ฯลฯ

ประเภทของ Google Ads Conversion คอนเวอร์ชั่น

10. ทดสอบและปรับแต่งอยู่เสมอ

อย่าคิดว่ายิงครั้งเดียวจบ! ต้องคอยดูผลตลอดครับ ว่าแอดไหนปัง แอดไหนแป้ก แล้วปรับแต่งให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ อย่าชะล่าใจ เพราะ ค่แข่งของคุณก็อาจจะยิงแอดเหมือนกัน

สรุปแล้ว การยิง Google Ads ให้ได้ผลดีนั้น ไม่ใช่แค่การกดปุ่มแล้วรอผล แต่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการวางแผน ทดสอบ และปรับปรุงอยู่เสมอ ลองเอาเทคนิคเหล่านี้ไปใช้กันดูนะครับ รับรองว่าจะช่วยให้แคมเปญ Google Ads ของคุณปังแน่นอน!

แล้วพบกันใหม่กับเทคนิคการตลาดออนไลน์สุดเจ๋งในบทความหน้านะครับ! ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติม ถามครูบอย ผ่าน ไลน์ โอเอ ได้เลย ที่ ID : @kruboydigital หรือกดที่ ภาพด้านล่าง

ลงความเห็น