นับตั้งแต่ Facebook ซื้อ Instagram มาจากเจ้าของเดิมคือนาย Kevin Systrom and Mike Krieger ตัว IG ก็มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง แต่ที่สำคัญ นอกเหนือไปจากการลาออกจาก Facebook ของ 2 ผู้ก่อตั้งแล้ว ก็คือ การปรับการแสดงผลหรือฟีดของ IG ที่จากเดิม โพสต์จะถูกแสดงตามเวลาที่โพสต์มาเป็นแบบที่คล้ายกับ อัลกอริทึ่มของ Facebook โดยปรับให้ฟีดแสดงให้เพื่อนและคนใกล้ชิดเห็นโพสต์ของเรามากขึ้นแทน นั่นส่งผลให้ธุรกิจที่ใช้ Instagram ในการทำการตลาดต้องปรับตัว
ในส่วนช่วยเหลือหรือ Help ของ IG ได้อธิบายเรื่องของการลำดับในการแสดงฟีด โดยอิงปัจจัยหลััก ดังนี้
1. แนวโน้มที่คุณจะสนใจในเนื้อหาดังกล่าว
2. วันที่แชร์โพสต์ และ
3. การโต้ตอบก่อนหน้ากับผู้โพสต์
(ที่มา : Instagram Help : https://help.instagram.com/1617763228546325 )
ดังนั้น ครูบอย จึงอยากให้คำแนะนำ สัก 10 ข้อ ในการเพิ่ม Like หรือ เพิ่ม Engagement ให้กับโพสต์ของผู้อ่านที่ใช้ Instagram ในการทำการตลาด เพราะจาก ปัจจัยข้างต้น ส่วนสำคัญสุดๆจะอยู่ที่ข้อ 3 ซึ่งคล้ายๆกับ Facebook คือ การมีปฏิสัมพันธ์จากผู้ชมโพสต์ของคุณ นั่นก็คือ การกด Like และการคอมเม้นท์
10 เคล็ดเพิ่ม Like ให้ Instagram (IG) เรา
1. แชร์รูปเจ๋งๆ
แชร์รูปเจ๋งๆ ที่ครูบอยว่า หมายถึง โพสต์ส่วนใหญ่ของรูปหรือวิดีโอคลิปที่กลุ่มเป้าหมายหรือคนติดตามเราอยากเห็นครับ และรูปหรือวิดีโอนั้นควรจะดูโปรฯ สักหน่อย เช่น หากกลุ่มเป้าหมายอยากรู้เรื่องแมว หมา ของเรา รูปหรือวิดีโอก็อาจจะเป็นในแบบที่ไม่เหมือนใคร หรือ ดูความน่ารักในมุมต่างๆ หรือ หากคุณขายเสือผ้าแฟชั่น ความคาดหมายของกลุ่มคนตามก็คงจะเป็นความสวยงาม ยิ่งมีรูปที่มีนางแบบถ่ายในมุมสวยๆ หรือ Pack Shot ที่จัดแสงจัดองค์ประกอบให้เสื้อผ้านั้นดูมืออาชีพและดูสวยงามแบบคนดูจินตนาการว่า ถ้าฉันใส่นะ….ต้องสวยแน่อะไรงี๊ ก็ย่อมเตะตาและได้รับการกดไลก์แน่ๆ
แต่ถ้ากลุ่มเป้าหมายของคุณต้องการแค่ติดตามชีวิตของคุณแบบง่ายๆ เราอาจจะไม่จำเป็นจะต้องทำแค่สวยหรู ถ่ายด้วยมือถือของคุณแล้วใส่จินตนาการบรรเจิดด้วย Fillter ของ IG แค่นั้นเองครับ
บางคนอาจจะสงสัยว่า ฉันจะทำภาพหรือวิดีโอแบบโปรเฟสชั่นนัล ได้ยังไง ?? ไม่ยากเลย สมัยนี้ แอปบนมือถือของเรามีมากมายที่ช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ่้น คนธรรมดาอย่างเรา ทำโปรดักชั่นแบบมืออาชีพยังได้เลยครับ อย่าง Line Camera , PicArt , Kinemaster , Video Show ฯลฯ ลองค้นดูครับ
2. ใช้ Hashtag ให้ตรงกลุ่ม
Hashtag หรือ เครื่องหมาย # เป็นเสมือน นำกลุ่มเป้าหมายมาสู่ Instagram ของเรา ลองสังเกตุดูซิครับ เวลาเราเจอโพสต์ของ IG ที่เราสนใจจริงๆ และรูปหรือวิดีโอนั้นมีแคปชั่นที่ติด Hashtag ไว้ เรามักจะกดเข้าไปดู และจะเห็นโพสต์ของ IG ที่ติด # แสดงขึ้นมาเยอะแยะไปหมด ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นโพสตฺ์ที่เราอยากดู อย่างครูบอยชอบดูโพสต์เกี่ยวกับ #แมวหน้าบี้ ครูก็จะกดเข้าไปดู และก็มีภาพ วิดีโอ สวยๆ ให้เราดู IG บางอันไม่เคยติดตามมาก่อนก็จะไปกดติดตาม และถ้าเราทำเรื่องเดี่ยวกับเค้า เราก็ติดแฮชแท็กเพื่อดึงคนกลุ่มเป้าหมายเราให้เห็นภาพเราเข้ามาดู มากดไลก์ ได้
ฉะนั้น คนใช้ IG เพื่อทำการตลาดต้องไม่พลาดการติด Hashtag ที่เหมาะสม ต้องเหมาะสมนะครับ ไม่งั้นคนดูเค้าจะงงๆ ปนรำคาญ ถ้าเรา ขายเสื่อผ้าผู้หญิง แล้วไปติด #เสื้อผ้าผู้ชาย คงไม่ใช่ อย่างนี้เป็นต้น แต่ถามว่าติดได้มั้ย ถ้าเราติดไม่บ่อย ก็ไม่ว่ากันครับ พอให้ติดปลายเบ็ดมาบ้างเนาะ
อ้อ.. แล้วอย่าใช้ Hashtag ในโพสต์เกิน 30 นะครับ สำหรับ IG
3. เขียนแคปชั่นสั้นๆแต่โดนใจ
แม้ว่าผู้คนเข้ามาดู IG เพื่อดูภาพ และภาพก็เป็นตัวเล่าเรื่องหลัก แต่ในฐานะนักการตลาด แคปชั่นในภาพหรือคลิป เป็นสิ่งที่ไม่อาจข้ามไปได้ เพราะ มันคือการขยายความและการชี้นำความคิดผู้ชมให้คิดตามเรา และแคปชั่นนี่แหล่ะ เป็นส่วนที่เราต้องใส่ Hashtag ลงไป ดั่งที่ครูเล่าให้ฟังในข้อ 2
นอกจากนี้ หากคุณเล่นเกมบน IG กับกลุ่มเป้าหมาย แคปชั่นยิ่งเป็นส่วนสำคัญในการอธิบายกติกาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น ห้ามพลาดที่จะเขียนแคปชั่นที่มีจุดมุ่งหมายให้คนทำตามหรือคิดตามครับ
4. เช็คอินโลเคชั่น
สำหรับธุรกิจที่มีหลักแหล่ง หรือ การจัดอีเว้นท์ หรือแม้แต่ร้านออนไลน์ที่ตั้่งสถานที่เช็คอินไว้ การทำการเช็คอินสถานที่ของเราบนโพสต์ เพราะ เมื่อใดที่คนกดดูสถานที่นั้น โพสต์ภาพหรือวิดีโอของเราก็จะแสดงให้ผู้ชมเห็น และถ้าโพสต์เราน่าสนใจ แน่ล่ะ คนก็สนใจที่จะกดไลก์ให้เรามากขึ้นครับ เป็นการสร้าง การมองเห็นแบรนด์ได้อีกทางหนึ่ง
5. โพสท์เป็นนิจ สม่ำเสมอ
การโพสต์สม่ำเสมอ เป็นประจำ ย่อมทำให้กลุ่มผู้ติดตามเเห็นเราอย่างสม่ำเสมอ และส่งผลดีกับ Feed ของเราด้วยเพราะ อัลกอริทึ่มของ IG ยุคนี้ ชอบให้ Account ที่มีการอัพโพสต์เป็นประจำ
คำถามคือ เป็นประจำนี่ ถี่แค่ไหน …. หลายสำนักที่วิเคราะห์เรื่องของ Instagram Algorithm กล่าวว่า อย่างน้อย วันละ 1 ครั้ง ครับ จะส่งผลดีต่อฟีด และ Brand Awareness
6. โพสท์ดูเพลา
แม้ว่าเราจะโพสต์เป็นประจำ แต่หากโพสต์ผิดเวลา ไปโพสต์ในเวลาที่คนไม่ออนไลน์บน IG ก็ยากที่คนจะเห็น สิ่งที่ต้องทำก็คือ ลองไปดูที่ Insights ครับ แล้วดูตรง แทป Audience จะมีบอกว่า คนที่ตามเราเขาออนกันตอนไหน เราก็ลงช่วงนั้นบ่อยๆ เป็นการเพิ่มการมองเห็นและ Engagement
สำหรับคนที่กดตามรูปแล้วไม่เจอ Insight คุณต้องเปลี่ยน IG Personal Profile เป็น Business Profile ก่อนนะครับ โดยเข้าไปที่ Setting > เลื่อนจนเห็นคำว่า Switch to Business Profile หรือ โปรไฟล์ธุรกิจ Instagram
7. เล่นเกมบ้าง
เพราะการโพสต์อย่างเดียว คุณจะได้แค่เรื่องของ Engagement หรือการกดไลก์หรือคอมเม้นท์ แต่เรื่องของการเพิ่มยอดผู้ติดตามอาจจะไม่เพิ่มขึ้นรวดเร็วนัก การเล่นเกม เช่นเกมแท็กเพื่อนให้มากด Like หรือ เป็น Follower โอกาสการเพิ่มยอดผู้ติดตามย่อมเร็วกกว่า เพราะคนเราชอบความสนุก การได้ลุ้น การได้ของรางวัล
ดังนั้น เมื่อคุณอัพ IG ไปสักพัก อาจจะเริ่มมีแคมเปญให้ผู้ตามร่วมสนุกครับ ก็จะทำให้ โพสต์เรามี Engagement มากขึ้นและโอกาสเพิ่ม Follower ก็เพิ่มขึ้นด้วย
8. แท็กเพื่อนแบบไม่สแปมมั่ว
นับตั้งแต่ IG เปิดให้ใช้ฟีเจอร์ให้ Tag IG ของผู้ติดตามได้ ทำให้การเข้าถึงเพื่อนๆผู้ติดตามง่ายขึ้น แต่สิ่งที่หลายคนเจอคือ การแท็กจนน่ารำคาญหรือที่เรียกกันว่า Spam ซึ่งก็คล้ายๆกับ Facebook ที่บางคนตั้งหน้าตั้งตา Tag โดยไม่สนใจว่า คนถูกแท็กจะยอมหรือไม่ จนหลายครั้งนำไปสู่การ Unfollow แอคเค้าท์ IG ที่ทำการแท็กคนอื่น
ในทางธุรกิจ การซี๊ซั๊วแท็ก ย่อมไม่ส่งผลดีต่อแบรนด์แน่ ฉะนั้น Tag จึงเป็นทั้งคุณและโทษ การที่จะทำให้ Tagging เกิดประโยชน์คือ การ Tag ไปยังคนที่เค้ายินดีให้ Tag เช่นหากคุณมีกิจกรรมเล่นเกมกับ Follower การ Tag ผู้ชนะก็ย่อมทำได้ เพราะคนได้รับรางวัลก็ภูมิใจ แต่เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้ติดตามนั่นเอง
ก่อน Tag ใครก็ลองดูเค้ายินดีที่จะให้เรา Tag มั้ยนะครับ
9. ซื้อ Ads บ้าง
แน่นอน ยุคนี้ นักการตลาด พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ จำเป็นต้องเจียดเงินเพื่อซื้อโฆษณา เพื่อการมองเห็นโพสต์ และ Brand Visibility (การมองเห็นแบรนด์) เพราะลำพังเพียงการโพสต์เพื่อให้ผู้ติดตามเห็นโพสต์เราเองคงไม่พอ เพราะอัลกอริทึ่มของ IG เปลี่ยนไปแล้ว จากเดิมฟีดจะแสดงตามลำดับเวลาที่โพสต์ แต่ปัจจุบัน การแสดงฟีดจะอาศัยปัจจัยหลักๆ 3 ปัจจัย อย่างที่กล่าวไว้ตั้งแต่ตอนต้น ทำให้การมองเห็นโพสต์ของเราลดลง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเครื่องกระทุ้งโพสต์ให้คนเห็นมากขึ้น นั่นคือการซ์้อโฆษณาผ่าน Facebook เพราะ IG ปัจจุบันเป็นของ Facebook นั่นเอง
การซื้อ Instagram Ads เป็นการทำให้เราแน่ใจว่า เราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจริง แต่ทั้งนี้คุณต้องเลือกให้ถูกกลุ่มด้วยนะครับ และเช่นเดี่ยวกัน หากต้องการซื้อ IG Ads คุณต้องเปลี่ยนเป็น Business Account เสียก่อน
10. ไปเป็นผู้ติดตามบ้าง
แน่นอนหากเราไม่ใช่คนดัง การที่จะทุ่นเงินซื้อ Ads วิธีนึงคือ การไปติดตามกลุ่มเป้าหมายบ้าง ไปมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเหล่านั้นบ้าง เพื่อให้เค้าเห็นเราบ่อยๆ
วิธีที่ยังคงใช้ได้อยู่ในการหากลุ่มเป้าหมายเพื่อไปกดติดตามเค้าเหล่านั้น คือการค้นหาด้วย Hashtag ที่เกี่ยวข้องกับเรา เช่น หากเราขายของเกี่ยวกับ คิตตี้ เราก็ลองหา Hashtag พวก #kittyLover #kittyLovers (เติม s กับ ไม่เติม s จะได้ผลต่่างกันนะครับ ) ,#ตุ๊กตาคิตตี้ ฯลฯ
จากนั้น เราก็เข้าไปดู Account และกดติดตามเขา คอยไปเม้นท์ ไปกดไลก์เป็นครั้งคราว เหมือนกับเราไปเปิดใจกับเขาก่อน วันนึงคุณอาจเข้าไป กดเป็นfollower กลุ่มเป้าหมายสักวันละ 100 คนก็ได้
บางคนอาจจะสงสัย ว่าเราไป Follow คนอื่นเป็น 100 ต่อวันได้ด้วยหรอ ไม่โดนแบนหรือ ?? จริงๆแล้ว นโยบายของ IG ไม่ได้ระบุไว้ว่า เราจะ Unfollow หรือ Follow ได้สูงสุดต่อวันเท่าไหร่ เคยมีกูรูในตปท. เคยบอกว่า เราสามารถ Unfollow หรือ Follow ได้ไม่เกิน 160 Account ต่อชม. แต่นั่นก็เป็นข้อมูลที่เก่าแล้ว จึงไม่มีนโยบายชัดเจน (ที่มา : https://www.androidtipster.com/instagram-follow-limit-per-day/ )เอาเป็นว่า ให้พอเหมาะ พอสมละกันครับ
หวังว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับ นักการคลาดออนไลน์บน Instagram นะครับ
สำหรับ IG ของครูบอย ก็ไปตามกันได้ที่ @kruboydigital ครับ หรือ จะคุยกับครูก็ไปที่ Line@ ID : @kruboydigital
: )