เมื่อเร็วๆนี้ Google ได้ออกมาประกาศใน Optimize Resource Hub โดยใช้ชื่อหัวข้อว่า Google Optimize Sunset
ในวันที่ 30 กันยายน 2566 (2023) จะเป็นวันสุดท้ายที่จะให้บริการ Google Optimize (บริการฟรีในการวัดผลตัวแปรของส่วนต่างๆในเว็บไซต์) และ Optimize 360 ( 1 ใน บริการ Google Marketing Platform แบบเสียเงิน สำหรับองค์กรใหญ่)
ซึ่งส่งผลให้ หลังจากวันที่ 30 กย นี้ เราจะไม่สามารถใช้ Google Optimize ผ่านหน้าเว็บไซต์ของ GG optimize ได้อีกแล้ว
Google Optimize คืออะไร
เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราทดสอบรูปแบบต่างๆ ของหน้าเว็บและดูประสิทธิภาพของหน้าเว็บตามวัตถุประสงค์ที่คุณต้องการ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพหน้าเว็บเพจ ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้และ ผู้ใช้ได้ประสบการณ์ที่ดี ในการเข้าเว็บเรา
พูดง่ายๆ
Google Optimize ก็คือ เครื่องมือฟรีๆ นี้ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกดีไซน์ ที่ดีที่สุดของหน้าเว็บให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้นั่นเอง โดยการทดลองรูปแบบต่างๆ (Experiment and Simulation) และสรุปผลให้เราว่า เว็บดีไซน์แบบไหนถูกใจผู้ใช้ที่สุด
เช่น ครูบอยออกหน้าเว็บหน้าแรก มี แบนเนอร์ ชื่อว่า ครูบอย คือใคร แต่อยากทดสอบ แบบ A/B Testing ว่า ถ้าเปลี่ยนแบนเนอร์ไปเป็นแบบอื่นโดยเราไม่ต้องเปลี่ยนตัวหน้าเว็บจริง ผลจะเป็นอย่างไร เราก็ทำผ่าน Google Optimize ให้ เครื่องมือทดสอบให้เราได้ครับ
แต่หากคุณเป็นองค์กรใหญ่ หรือ ต้องการฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้น ก็สามารถใช้ Optimize 360 ซึ่งมีค่าบริการครับ อยู่ในบริการของ Google Marketing Platform
ทดสอบ 3 แบบของ Google Optimize
การใช้เครื่องมือ Google Optimize ไม่เพียงแต่ใช้เพื่อการตัดสินใจโดยใช้การทดลองแบบ A/B Testing เท่านั้น Google Optimize มีวิธีการทดลองให้เราแบบกว้างๆ 3 แบบ ดังนึ้ครับ
1. A/B tests
A/B Tests หรือ A/B Testing เป็นการทดสอบแบบสุ่มโดยใช้รูปแบบหน้าเว็บเดียวกันตั้งแต่ 2 รูปแบบขึ้นไป (A และ B) โดยตัวแปร A เป็นต้นฉบับ ตัวแปร B ถึง n แต่ละรายการมีองค์ประกอบตั้งแต่หนึ่งรายการขึ้นไปที่แก้ไขจากต้นฉบับ
โอยยย งง จริงจัง เอางี๊ ครูบอยยกตัวอย่างละกัน
ดูจากรูป สมมติว่า เราจะทดสอบว่า หน้าเว็บตามภาพด้านล่าง โดยหน้าตาเว็บของเดิมคือ A และถ้าเราเปลี่ยน รูป จากสีฟ้า ของ A เป็นภาพสี แดงของ B ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร อันไหน จะได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้ใช้กว่ากัน นั่นเอง ครับ
2. Multivariate tests (ทดสอบหลายตัวแปร หรือ MVT )
เป็นการทดสอบตัวแปรขององค์ประกอบตั้งแต่ 2 องค์ประกอบขึ้นไปพร้อมกันเพื่อดูว่าชุดค่าผสมใดให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยการทดสอบแบบ MVT นี้ จะระบุตัวแปรที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของแต่ละองค์ประกอบ ตลอดจนวิเคราะห์การโต้ตอบระหว่างองค์ประกอบเหล่านั้น
ดูจากภาพด้านล่าง เราจะทำการทดสอบทั้งหมด 6 แบบ ตัวแปรที่เปลี่ยน คือ ส่วนหัวข้อย่อย 2 แบบคือ H1, H2 และ รูป 3 รูป คือ A,B,C ซึ่งเราจะได้การทดสอบรูปแบบต่างกันทั้งหมด 6 แบบ คือ H1A, H1B,H1C,H2A, H2B,H2C ครับ หลังจากการทดสอบโดย Google Optimize เราก็จะได้ผลลัพธ์ ชุดออกแบบที่เหมาะสมที่สุดที่เราต้องการ
3.Redirect tests
เรียกอีกอย่างว่า URL Split Test เป็นการทดสอบที่มีจุดประสงค์เดียวกัน แต่ทดสอบการออกแบบหรือดีไซน์ที่ต่างกันไปและมี URL หรือที่อยู่หน้าเว็บที่ต่างกันไป เป็นการทดสอบแบบ A/B Testing แบบนึงครับ แต่เป็นการใช้ตัวแปรที่ต่างกันสิ้นเชิง
ถ้าดู ตัวอย่างด้านล่าง เราอยากตัดสินใจว่า หน้าแบบต้นฉบับ(Original) ที่เป็น URL เป็น www.example.com กับ หน้าเว็บที่ถูกออกแบบต่างกันสิ้นเชิงทางด้านขวาที่มี URL new.example.com อันไหน จะได้รับการตอบรับที่ดีกว่ากัน
การทดสอบแบบนี้ มักใช้ในการตัดสินใจว่า Landing Page อันไหนจะเหมาะกับการประชาสัมพันธ์ อาจจะเอาไปยิงแอดแล้วดีกว่ากัน ฯลฯ
แล้วจะใช้อะไรแทน Google Optimize
หลังจากวันที่ 30 ก.ย. 66 เราก็จะไม่สามารถเข้าใช้ Google Optimize ได้อีกต่อไป แต่ทาง Google ได้ออกมาบอกไว้ในหน้าข่าว Google Optimize Sunset ว่า เราจะสามารถใช้ A/B Tests ใน Google Analytics 4 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของ Google Analytics ได้ ซึ่งในขณะที่เขียนบทความนี้ ครูบอยยังไม่เห็น หน้าตาในส่วนของ A/B Tests ใน GG4 แต่อย่างใด แต่เชื่อว่าในอนาคต คงได้ใช้กันแน่ในส่วนของฟีเจอร์นี้ ตามประโยคที่ Google ให้ไว้ว่า
We remain committed to enabling businesses of all sizes to improve your user experiences and are investing in A/B testing in Google Analytics 4.
คอยดูกันต่อไปครับ สำหรับใครที่ยังไม่ลองใช้ Google Analytics 4 ต้องหัดใช้แล้วนะครับ เพราะ ตั้งแต่วันนี้ 1 ก.ค. 66 นี้ ทาง Google จะหยุดการประมวลผล Google Analytics เวอร์ชั่นเดิม(UA) และทุกคนต้องใช้ Google Analytics 4 แทน
ดูคลิป Google Optimize Sunset