ทุกวันนี้ ในแวดวง E-Commerce ของไทย คงไม่มีใครไม่รู้จัก tarad.com และ thai2hand.com เว็บไซต์ E-Marketplace ที่ช่วยนักธุรกิจบนโลกไซเบอร์หน้าใหม่ของไทยเกิดขึ้นหลายราย เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้ปั้นเว็บแห่งนี้ให้โ่ด่งดัง คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ เรามาทำความรู้จักกับเขาและแนวคิดด้านการตลาดของเขามากขึ้นกัน
จากอดีตเด็ก’ถาปัดสู่ผู้ผลักดันเถ้าแก่ออนไลน์
คุณภาวุธได้เริ่มเล่าให้เราฟังถึง เหตุผลที่จับพลัดจับพลูมาทำด้าน E-Commerce ให้เราฟังว่า
” ผมเองบ้าคอมพิวเตอร์ บ้าเล่นเกมส์ตั้งแต่เด็กๆ พวกเกมส์ Nintendo Atari ก่อนจะเข้ามหา’ลัย ได้เห็นคุณอาใช้โน๊ตบุ๊คส์แล้วสนใจ คุณอาเห็นว่าผมอยากเรียนสถาปัตย์ จึงแนะนำให้ลองใช้โปแกรม Paint ดู ก็รู้สึก คอมพิวเตอร์เป็นอะไรที่มากกว่าเกมส์คอนโซล Nintendo ถึงได้รู้จักคอมพิวเตอร์มากขึ้น” คุณภาวุธเล่าต่อ”ช่วงประมาณปี 3 เพื่อนต่างคณะเอารูปอย่างว่ามาให้ดู และบอกว่า’เนี่ยมาจาก Internet’ ก็ฉงนว่ามันมาได้อย่างไร เพื่อนจึงแนะนำให้วิธีใช้ internet ให้ สอนว่าคีย์ URL อย่างไร load page ยังไง จากนั้นก็ซื้อคอมพิวเตอร์และเริ่มใช้อินเตอร์เน็ตในการสื่อสารเพื่อนด้วย Pine เริ่มใช้โปรแกรม Pagemaker เพื่อทำสิ่งพิมพ์ให้คณะฯ เริ่มใช้ Powerpoint Word และใช้โปรแกรม 3D ในการทำโปรเจ็กค์จบ ซึ่งภูมิใจมากที่เป็นคนแรกของคณะที่ใช้โปรแกรม 3D ในการทำโปรเจ็กค์ ”
ต่อจากนั้นการเข้าสู่แวดวง e-commerce ก็เริ่มขึ้น
” ในช่วงใกล้จบปี 4 เป็นช่วงเศรษฐกิจไทยตกต่ำ Crisis มาก ประมาณปี 40 แล้วเห็นว่า พวกเด็ก’ถาปัตย์ ชอบใช้สินค้ามือสอง ประกอบกับได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับเด็กมัธยม 2 คนที่ทำเว็บแล้วและสามารถสร้างรายได้เดือนละแสน ก็ติดใจว่าเด็กสองคนนั้นทำได้ยังไง ทำไมเราจะทำไม่ได้ คิดไปคิดมา ก็จบตรงที่ว่าอยากทำเว็บ ซึ่่งทุนเดิมที่มีอยู่คือมีเว็บส่วนตัวอยู่แล้วใน geocities ทำโดยใช้โปรแกรมเขียนเว็บที่ติดมากับ Netscape เป็นเว็บเกี่ยวกับ Resume ตัวเองนะครับ และเห็นว่าเว็บอย่าง sanook.com อย่าง hunsa.com ทำคือเว็บรวมลิ๊งก์ ทุกคนทำรวมลิ๊งก์กันหมด จึงมองว่าสิ่งที่เราทำต้องแตกต่างจากชาวบ้าน ผมเรียนสถาปัตย์มา ก็สอนว่าคุณจะทำอะไรคุณต้องห้ามเหมือนใคร คุณต้องใส่ Creative เข้าไป ถ้าเหมือนใครคุณก็ตก ก็เลยคิดว่า ทำเว็บขายของดีกว่า เว็บขายของยังไม่มีเลยนะ ก็เลยทำเว็บขายของ” คุณภาวุธเล่าต่อถึงจุดเริ่มของ thai2hand.comให้เราฟังต่อ
“อย่างนั้นเราก็ทำ thaisecondhand ดีกว่า เห็นเว็บ Panthip เป็นเว็บบอร์ดใช่มั้ย เราอยากเอาฟังก์ชั่นเว็บบอร์ดมาใช้ แต่เว็บบอร์ด pantip เป็นการพูดคุยธรรมดา แต่เราเป็นเว็บขายของ
หนึ่งคือ ต้องใส่รูปเข้าไป ซึ่งสมัยก่อนเว็บบอร์ดใส่รูปภาพไม่ได้เลย
สองต้องมีฟังก์ชั่นเก็บจำนวนคนเข้าดู ซึ่งทีแรกก็ไม่ได้เก็บหรอกแต่ทำๆไปไม่มีคนซื้อของ จริงๆน่าจะมีคนดูเยอะนะ (แม้ไม่มีคนซื้อ) เลยใส่ฟังก์ชั่นเก็บจำนวนคนเข้าดู ซึ่งเป็นการพลิกวงการเ้ว็บบอร์ดว่าต้องใส่รูปได้ต้องเก็บจำนวนคนเข้าดู
แต่พอใส่จำนวนคนเข้าดูเนี่ย อย่างสินค้าบางตัวมีคนเข้าดู 300 คน แต่ไม่ซื้อเลย แล้วสินค้าตัวนี้มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า
เราเริ่มใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการค้ามากขึ้น เข้ามาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ก็เริ่มใส่ฟีเจอร์อะไรเข้าไปเยอะขึ้น จากเว็บบอร์ธรรมดาก็กลายเป็นเว็บบอร์ที่เน้นการขายของมากขึ้น ช่วงนั้น เป็นช่วงที่เราแตกต่างจากชาวบ้าน และสื่อก็เริ่มมองดอทคอมเพราะดอทคอมเข้ามาแล้ว ก็มีสื่อเข้ามาสัมภาษณ์มากขึ้น นั่นคือจุดเริ่มต้นครับ ซึ่งเดิมไม่ได้คิดอะไรมากมายขนาดนี้ คิดเล่นๆ เป็น Goal เล็กๆ ว่า
ถ้า sanook, pantip เป็นเจเนเรชั่นที่หนึ่งของวงการเว็บ thaisecondhand ก็ขอเป็นเจเนเรชั่นที่สองแล้วกัน”
Tarad.com ก้าวย่างถัดมาของ thaisecondhand.com
หลังจากที่คุณภาวุธและเพื่อนๆ สร้างชื่อให้กับ thaisecondhand.com แล้วกลุ่ม venture capital หลายกลุ่มได้แสดงความสนใจที่จะร่วมทุน ซึ่งการร่วมทุนในครั้งนั้นได้สอนให้คุณภาวุธได้เรียนรู้เรื่องการทำธุรกิจมากขึ้น และเริ่มมองเว็บในแง่การทำธุรกิจเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ในช่วงแรกของการทำ thaisecondhand ค่อนข้างเหนื่อย คุณภาวุธเล่าให้เราฟังต่อ “ผมต้องพยายามผลักดันครับ ช่วงนั้นต้องออกไปพันธุ์ทิพย์ ไปสยาม เอากล้องออกไปถ่ายรูปภาพสินค้า เพื่อเอามาลงในเว็บ และพยายามสร้าง content ขึ้นมาให้ได้ก่อน ตอนนั้นก็หนักแต่ก็สนุกมาก
” ต่อข้อถามที่ว่า tarad.com เกิดขึ้นมาได้อย่างไร คุณภาวุธกล่าว “ทำ thaisecondhand ได้สองปี ลูกค้า thaisecondhand เริ่มโตขึ้นและอยากมีร้าน online ของตัวเอง ซึ่ง thaisecondhand เป็นการขายแบบ C-to-C (Consumer to Consumer) ซึ่งอยากได้ solution แบบ B-to-C(Business to Consumer) อีกอย่าง เราประสบปัญหาในเรื่องการทำการตลาดของเรา เพราะเมื่อมีคำว่า secondhand ทำให้การทำการตลาดของเราแคบลงไปเยอะ เพราะใครๆก็มองว่าเป็นการขายของมือสอง ดังนั้น เราต้องสร้าง brand ใหม่ขึ้นมา ซึ่งกว้างกว่าแต่อยู่ในเรื่องการค้าขาย ก็มาจบกันที่ tarad.com ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่กว่า ซึ่งพยายามสร้างความเชื่อมโยงระหว่าง tarad.com กับ thaisecondhand ซึ่งพอคุณเปิดขายของใน thaisecondhand ปุ๊ป คุณก็เปิดเปิดร้านใน tarad.com ”
แหล่งรายได้ของ Tarad.com
tarad.com สามารถดึงดูดให้ผู้สนใจขายของบนเว็บอันเนื่องมากจากการที่ทุกคนสามารถเข้าไปเปิดร้านฟรีได้บนเว็บไซต์ ซึ่งลูกค้าที่มาเปิดร้านส่วนใหญ่็เป็นร้านค้าฟรี ถ้าอย่างนั้นแหล่งรายได้จากไหนและบริการที่ให้นอกจากร้านค้าฟรี เราลองมาฟังคำตอบ “ที่ผ่านมา ผมเน้นที่ความมันส์รายได้ไม่ค่อยคิด แต่เดี๋ยวนี้ ต้องสนุกด้วยได้ตังค์ด้วย บริการของเราก็มีหลากหลายมาก เราต้องการเป็นผู้นำในด้าน E-Commerce Solution เรามีทั้ง ระบบจ่ายเงิน ระบบ logistics เราทำขึ้นเพื่อความต้องการของลูกค้าจริงๆ” “สำหรับรายได้หลักในช่วงแรกๆเลยมาจาก โฆษณาสินค้า ต่อมาเมื่อเรามี tarad.com ก็มีคนเข้ามาเช่าร้านมากขึ้น โฆษณาเริ่มเฟดลงและเริ่มรับทำ E-Commerce Solution ใหญ่ๆ ด้วย ทำระบบจดทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์ให้กรมพัฒนาธุรกิจ ทำเว็บให้ธนาคาร เป็นต้น โดย Focus Commerce Solution”
อุปสรรคที่ต้องฝ่าฟัน
ในการดำเนินธุรกิจใดๆก็ตาม แน่นอนย่อมต้องเจอกับปัญหาและอุปสรรค tarad/thaisecondhand ก็เช่นเดียวกัน “ปัญหาจะแบ่งเป็นช่วง ๆ ครับ แต่ปัญหาหลักๆ ก็จะเป็นเรื่องเทคโนโลยี คือแรกๆ เราไม่รู้อะไรสักอย่างเกียวกับเทคโนโลยีด้านการค้าขายบนอินเตอร์เน็ต เราก็เริ่มเรียนรู้ และแก้ปัญหาจนสามารถทำ Solution ด้าน E-commerce ได้ในทุกวันนี้” “ในส่วนของร้านค้าเนี่ย บางคนหวังว่า เปิดเว็บเมื่อเปิดร้านได้แล้วจะขายของได้ จริงๆแล้วมันต้อง put effort เข้าไป ต้องรู้จักการทำ marketing บางคนมีความคาดหวังสูง พอสูงมากแต่พอเริ่มทำแล้วมันไม่ได้ตามต้องการ ก็มองว่ามันไม่ใช่ก็หันหลังให้เลย อันที่สองคือเรื่องของ trust&confident มีเว็บแล้วแต่จะควักเงินซื้อ ไม่กล้าให้บัตรเครดิตซื้อ จะซื่้อของไม่กล้าซื้อ จากนั้นมาเรื่อง กฏหมาย Rule&Regulation ก็ยังไม่มี ซึ่งกำลังจะมีกฏหมายอิเล็กทรอนิกส์ พรบ.ความผิดบนคอมพิวเตอร์กำลังจะตามมา ซึ่งตอนนี้เวลาใครโกงก็ตามจับไม่ค่อยได้ อีกข้อคือเรื่องประชากรที่ใช้เน็ตในไทยยังน้อยอยู่ซึ่งประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งมันน่าจะขึ้นไปสัก 30 – 50 เปอร์เซ็นต์ คือผมลงทุนไปแล้วคนทั้งประเทศพร้อมซื้อ เนี่ยคุ้ม อีกอย่างคือเรากับภาครัฐเองยังไม่สามารถ sync กันเท่าไหร่ อย่างบางทีบางรัฐนำไปแล้วแต่เอกชน ยังอิรุงตุงนัง ไม่มีแกนเลย การตั้งชมรมก็ช่วยได้เยอะเลยครับ
เมื่อตลาด E-Marketplace เริ่มมีคู่แข่ง
คุณภาวุธได้ให้ความเห็นกับเราเรื่องคู่แข่งที่มีเริ่มเข้ามาในตลาด e-marketplace มาก ขึ้น ทาง tarad.com จะต่อสู้กับเว็บใหม่เหล่านั้นได้อย่างไรว่า “อย่างแรกคือเรื่อง brand ครับ จริงๆ ผมดีใจนะครับที่มีคูแข่งมันทำให้ตลาด E-Commerce โตขึ้น ทำให้เกิดการพัฒนา จากเดิมที่ทำไปเรื่อยๆ สองคือเรื่องเทคโนโลยีครับ โดยนำเทคโนโลยีที่มีอยู่นำมาใช้ เช่นเอา 1900 มาใช้ เอา SMS มาใช้ เอาเทคโนโลยีแปลกๆมาใช้ เราคิดอยู่เสมอในเรื่อง innovative พอเราคิดปุ๊ป ทำเลย เราเคลื่อนตัวเร็ว และอีกอย่างหนึ่งคือเรามี network และ Connection เยอะ อีกตัวหนึ่งที่เรามองคือเรื่องการทำ CRM เราพยายามทำ relationship กับลูกค้า ให้ลูกค้า Happy ที่จะอยู่กับเรา ”
การตลาดเพื่อ tarad/thai2hand
ในช่วงที่ผ่านมา marketing strategy ที่ทาง tarad/thai2hand ใช้คืออะไรคุณภาวุธเล่าว่า “ช่วงแรกทีืทำจะเป็น Personal Marketing(do-it-yourself marketing) เช่น ทำสติ๊กเกอร์ไปแปะห้องน้ำ ทำฟรีครับ การตลาดออนไลน์ที่จะใช้ได้ผลคือ ทำการตลาดแบบ Buzz Marketing ทำยังไงให้ลูกค้าพอใจ ขายของได คุณลงประกาศแล้วมีคนเข้ามาหา มาถาม และบอกต่อไปเอง ฉะนั้น ในการทำการตลาดในช่วงที่ผ่านมา ผมไม่ได้ทำการตลาดเชิงรุกเลย ไม่เคยเสียเงินโฆษณาวิทยุ ทีวี แต่การที่เราแตกต่างจากชาวบ้าน เราเริ่มเป็นที่รู้จัก คนก็เริ่มเข้าถาม มาสัมภาษณ์ และเราก็ได้โฆษณาฟรีครับ เหมือนกับใช้ผู้บริหารในการโฆษณา (CEO Marketing) มีการเข้าไปจับมือกับเว็บโน้นเว็บนี้ เข้าไปเป็นสมาชิกสมาคมเว็บฯ ซึ่งเราก็ได้ PR(Public Relation) บริษัทเราทางอ้อม ซึ่งเราไม่ได้ใช้เงินเลยในช่วงที่ผ่านมา แต่เดี๋ยวนี้ เริ่มต้องเร่งสปีดตัวเองแล้ว เริ่มมีการซื้อสื่อบ้าง มีการวางแผนสื่อ เช่นไปลง banner ลง magazine เรามองว่าลูกค้าอยู่ที่ไหนเราก็ไปซื้อสื่อนั้นครับ ทำ SEO ซึ่งก่อนหน้านั้นเราก็ทำมาก่อนบ้างแล้ว โดยการปรับแต่งเว็บบ้าง ทั้งหมดเพื่้อให้เราเป็นที่รู้จักมากขึ้น อย่าง SEO เนี่ย ลูกค้าใหม่ ๆหรือผู้ที่เริ่มใช้อินเตอร์เน็ต ก็เริ่มจาก Search Engine ก่อน เคยคุยกับลูกค้าว่าเค้ารู้จัก tarad.com /thaisecondhandได้อย่างไร บางรายต้องการหาเครื่องดนตรี เพราะ Search แล้วเจอ thaisecondhand และมีการเปิดร้านค้าด้วย ซึ่งเราก็ต้องเข้ามาดูในช่องทางตรงนั้น(SEO) ทุกวันนี้ เราต้องทำให้ลูกค้าใหม่รู้จักเรามากขึ้น”
ก้าวข้างหน้าของ tarad.com และ thai2hand.com
“จากนี้ไปอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้าเราคง เป็น international แล้วล่ะครับ เราคงไม่อยู่แค่ในประเทศ แล้วจากนี้ไปใครอยากทำ e-commerce ก็เข้ามาหาเราเลย ไม่มีความรู้ก็เข้ามาหาเราเลย เราจะเป็นคนเทรนให้เค้า จากคนที่ไม่รู้เรื่องเลยกลายเป็นผู้ประกอบการ E-Commerce เราจะกลายเป็นอาวุธสำคัญของคนไทยในการทำ E-Commerce ระดับโลกและเราคงไม่ได้อยู่แค่บนเว็บครับ เราครอบคลุมไปทุกสื่อ”
และทั้งหมดคือก้าวเริ่มต้น ปัจจุบันและมองไปในอนาคตของ Tarad.com และ Thai2hand.com ที่เน้นในเรื่องการสร้างความแตกต่าง เทคโนโลยี และ Innovation ที่จะช่วยให้คนไทยก้าวหน้าในเวทีโลกด้วย E-Commerce ด้วยฝีมือของหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ
สัมภาษณ์เมื่อ : 03 ต.ค.2548
เรื่องจากเว็บไซต์เก่าของครูบอย ที่ชื่อ thinkandclick.com และ ยังคงอยู่ในเว็บไซต์ Waybackmachine >> https://web.archive.org/web/20080827204502/http://www.thinkandclick.com/interview_emarketers/pawoot_tarad_com.html
Publish:10 ต.ค.2548 ในเว็บ thinkandclick.com
Pingback: กลุ่มพ่อค้าอิเลกทรอนิกส์รวมพลเสวนาเพื่อเพิ่มยอดขาย - Digital Marketing Matters! by KruboyDigital Somkiat Lilitprapun