ผู้เชี่ยวชาญออกโรงเตือนบรรดาเว็บไซต์ท่องเที่ยวหน้าใหม่ที่เปิดรับจองที่พัก จองตั๋วเดินทาง หรือแพ็กเกจทัวร์อย่าหวังเดินเดี่ยว แต่ควรเตรียมหาพันธมิตรเอาไว้แต่เนิ่น ๆ หวั่นเว็บไซต์รายจิ๊บจ้อยเหล่านี้ไม่สามารถแจ้งเกิดได้กับธุรกิจออนไลน์
ธุรกิจท่องเที่ยวบนโลกออนไลน์เริ่มมีการแข่งขันกันหนักขึ้น เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูการท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุดสิ้นปี ซึ่งค่อนข้างยาวนานกว่าวันหยุดช่วงอื่น ๆ ทำให้ผู้ที่อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยวต่างเร่งทำโปรโมชัน จัดแพ็กเกจท่องเที่ยวสุดคุ้มมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ของสายการบิน โรงแรมชื่อดัง หรือเว็บพอร์ทัลด้านการท่องเที่ยว ฯลฯ โดยการจองที่พักนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า การจองผ่านเว็บไซต์จะได้ราคาที่คุ้มค่ากว่า และลดภาระค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ลงได้มากกว่าการใช้บริการจากบริษัททัวร์ แต่ก็เสี่ยงมากกว่าเนื่องจากต้องชำระเงินล่วงหน้า ไม่ว่าจะจ่ายผ่านบัตรเครดิตหรือจ่ายผ่านบริการโอนเงิน
นอกจากนั้น ปัจจุบันยังมีการทำธุรกิจเว็บไซต์เสิร์ชเอนจินเพื่อการท่องเที่ยวแบบเฉพาะทางเกิดขึ้นมากมายนับร้อยแห่ง โดยทำหน้าที่เสมือนเสิร์ชเอนจินให้กับเว็บไซต์ท่องเที่ยวอื่น ๆ โดยมันจะรวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวของเว็บจำนวนมากเอาไว้ ผู้ใช้เพียงป้อนข้อมูลลงไป เช่น ต้องการเดินทางระหว่างวันที่เท่าใด, เวลาเท่าไร, จำนวนผู้เดินทาง, แยกเป็นเด็กกี่คน ผู้ใหญ่กี่คน, สายการบินที่ต้องการ ฯลฯ ระบบจะค้นหาแพ็กเกจทัวร์ หรือสายการบิน ที่พักจากเว็บในฐานข้อมูลที่ตรงกับความต้องการออกมาให้
การทำการตลาดก็เป็นสิ่งสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ Sidestep.com อีกหนึ่งผู้นำเว็บเสิร์ชเอนจินด้านการท่องเที่ยว ก็ได้ทำสัญญากับเว็บไซต์อเมซอนดอทคอม สายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ และโรงแรมฮิลตันเพื่อเพิ่มช่องทางการท่องเที่ยวให้เว็บไซต์ด้วยเช่นกัน
นั่นช่วยตอกย้ำถึงสิ่งที่เว็บไซต์เสิร์ชเอนจินด้านการท่องเที่ยวควรทำคือ การพยายามเพิ่มความน่าเชื่อถือ สร้างนโยบายด้านความปลอดภัยของข้อมูล ตลอดจนการหาพันธมิตรเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการท่องเที่ยวมากกว่าจะเลือกเดินเดี่ยว
อย่างไรก็ดี ข้อมูลจากฟอเรสเตอร์ระบุว่า นักท่องเที่ยวที่วางแผนการเดินทางโดยใช้เสิร์ชเอนจินค้นหาข้อมูลการท่องเที่ยวมีเพียง 6.5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางโดยใช้บริการจากตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวมีสูงถึง 44 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวที่ค้นหาข้อมูลโดยเสิร์ชเอนจิน 27 เปอร์เซ็นต์ใช้บริการจากกูเกิล และยาฮู ขณะที่อีก 25 เปอร์เซ็นต์เลือกค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ของสายการบินหรือโรงแรม
นอกจากนั้น ข้อมูลการวิจัยของฟอเรสเตอร์ยังระบุไว้ด้วยว่า ธุรกิจท่องเที่ยวกลายเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้สูงสุดในวงการอีคอมเมิร์ส โดยมียอดขายรวม 62.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากยอดขายสินค้าผ่านเว็บทั้งหมด 172.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 36.43 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่ารายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์นี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 119.1 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2010
Updated 26 พ.ย. 2548 – โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤศจิกายน 2548
************
เรื่องเก่าจากเว็บไซต์ของครูบอย – thinkandclick dot com (ย้อนดู ต้นฉบับ > https://web.archive.org/web/20090201073023/http://thinkandclick.com/news/travel-website-news.php )