สำหรับคนทำการตลาดออนไลน์ หรือ การขายของออนไลน์ ในการทำกิจกรรมใดที่มุ่งเน้นหาคนมาเป็นพวก หรือ หา Leads จะขาดไม่ได้เลยก็คือ Landing Page นี่แหล่ะครับ แต่หลายๆคนก็จะพูดคำว่า Sale Page บทความนี้ จะมาทำความรู้จักเจ้าสิ่งนี้กันครับ
Landing Page คืออะไร (What is Landing Page ?)
มีเว็บไซต์หลายๆแห่งที่เกี่ยวกับการตลาดดิจิทัล ได้ให้คำจำกัดความเจ้า Landing Page ไว้ต่างๆ นาๆ เอาเป็นว่า ครูบอยจะสรุปให้ฟังพอเข้าใจได้ว่า
Landing Page ก็คือ หน้าเว็บเพจใดๆ ก็ตามที่ถูกสร้างขึ้นเฉพาะกิจ เพื่อจุดประสงค์เฉพาะกิจ โดยมากสร้างไว้เพื่อทำ Lead Generation (ให้คนมาลงทะเบียน เพื่อนักการตลาดจะนำ ข้อมูลที่กลุุ่มเป้าหมายที่ให้ไว้มาทำการตลาดหรือปิดการขายต่อ หรือ สร้างหน้าเว็บ Landing Page นี้ เพื่อปิดการขายเลยก็ได้
ตัวอย่างของ การทำ Lead Generation ที่เรามักพบบ่อยๆ เช่น ในวงการอสังหาริมทรัพย์ หรือ ประกันฯ อย่างเวลาเราเห็นโฆษณา(Ads) ของ ประกันชีวิตยี่ห้อ A ในโฆษณาจะมีตัวยั่วยวนใจอย่างเช่น ลดเบี้ย ปีแรก เหลือ 50 % ต้องการรับสิทธิประโยชน์นั้น ประโยชน์นี้
จากนั้น กลุ่มเป้าหมายเชื่อถือ ตกลงกดลิ๊งก์ใน Ads นั้น แล้วระบบก็จะพามาสู่หน้าเว็บหน้านึง ที่เป็นหน้าลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ หน้านี้แหล่ะครับเค้าเรียก Landing Page
อ้าว.. แล้ว Sale Page มันคืออะไรหว่า ??
ครูบอยขอตอบแบบฟันธง คือ Landing Page ที่ไว้ปิดการขายนั่นเอง เว็บเพจพวกนี้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา ไม่เก็บ Leads ก่อนให้เสียเวลา
กลุ่มเป้าหมาย คลิกโฆษณา ปุ๊ป มาหน้าขายเลย เก็บ Lead อาจจะไม่ต้อง หาก สินค้านั้น ตรงใจ ถูกจริต ตังค์พอ ดูน่าเชื่อถือ ก็ซื้อของเลย ในต่างประเทศ อย่างพวก USA หรือ ญี่ปุ่น เจอหน้าขายปุ๊ปเค้าก็ซื้อขายผ่านเว็บไซต์เลย
แต่เมืองไทย ชอบพูดคุย เพราะฉะนั้น เวลาปิดการขายแม้ว่า ผู้ซื้อจะเห็นว่า สินค้านั้นน่าซื้อ แต่ก็ขอคุยกับคนขายหน่อยน่า
ในหน้า Sale Page จึงมักแปะช่องทางไว้ให้พูดคุยกับผู้ขาย เช่นพวกปุ่มลิ๊งก์ไปที่ Facebook Inbox หรือ ไม่ก็ Line Official Account ฯลฯ ซึ่งการค้าขายลักษณะนี้ เรียกว่า Conversational Commerce หรือ ค้าขายแบบเจรจาต๊าอ่วย นั่นเอง
ทีนี้ พอเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยครับว่า Landing Page กับ Sale Page มันก็ คือคือกัน แต่ Sale Page มุ่งขายนั่นเอง
Marketing Campaign Funnel กับ Landing Page
เป็นไปไม่ได้เลยถ้าจะพูดถึง หน้า Landing Page แล้ว ไม่พูดถึง Marketing campaign funnel
จากภาพนะครับ กระบวนการในการทำแคมเปญการตลาดแต่ละอย่างจะ ไล่ลงมาตาม Funnel
- ลงสื่อโฆษณา อาจจะฟรี เช่น โพสท์เนื่อหาใน Social Media ของเราเอง หรือ จ่ายตังค์ เช่น ยิง Facebook Ads ยิง Google Ads จะเป็น Search Ads หรือ GDN ก็แล้วแต่ หรือ จะไปลง แบนเนอร์ ในเว็บไซต์ไหน สุดแล้วแต่ การวางแผนสื่อ ครับ
. - Landing Page ครับ ต้องมี เพราะ เมื่อกลุ่มเป้าหมายคลิกสื่อ ในข้อ 1 ก็จะมาที่ หน้าเว็บเพจที่เรากำหนด อาจจะมาเพื่อลงทะเบียน หรือ ซื้อของสุดแล้วแต่ แต่ใน Facebook Ads เราอาจจะเห็น ว่าไม่ได้ไปที่หน้าเว็บเพจ อาจจะไปที่ Inbox เลย อันนี้ คือ ต้องการปิดการขายแบบ พูดคุยครับ
หรือ อาจจะจะไปที่หน้า Instant Experience ซึ่งมันก็คือ หน้าเว็บเพจที่ฝังบน Facebook ซึ่งคุณสมบัติอย่างนึงคือ โหลดเร็วสุดๆ ไม่เสียอรรถรสในการชม ไว้มีโอกาสจะมาเล่าเรื่อง Instant Experience ให้ฟัง ใครสนใจ กดอ่าน >> https://www.facebook.com/business/help/183469315334462?id=1633489293397055 ไปพลางๆก่อน นะครับ
สำหรับ ใน สเต็ปที่ 2 ตัววัดผล มักใช้ CTR (Click Through Rate) เป็นตัววัด เค้าวัดเป็น % ครับ
ดูว่า คนกดดูโฆษณามาที่ Landing Page หารด้วย จำนวนคนดูโฆษณาเท่าไหร่ คูณด้วยร้อย
. - สุดท้่าย หากคนมาที่หน้า Landing Page แล้ว ทำตามเป้าหมายเรา เป็นอันเกิดสิ่งที่เรียกว่า Conversion อาจจะเป็น Leads Conversion หรือ Sales Conversion ก็แล้วแต่ วัตถุประสงค์
หากต้องการเฉพาะ Leads หรือ ว่าที่คนซื้อของ เอาแค่เค้ามาลงทะเบียน ก็วัดกันว่า Lead Conversion Rate เป็นเท่าไหร่ คือ คนเข้า Landing Page แล้วกรอกลงทะเบียน กี่คน หรือ คิดเป็น กี่ % ของคนเข้า Landing Page
หากต้องการ ยอดขายเลย ก็วัดกันยาวหน่อย หากซื้อของบนเว็บไซต์เลย ก็มักจะมีหน้าสุดท้าย หลังการจ่ายเงินซือของเราแล้ว ซึ่งมักจะเป็นหน้าขอบคุณ หรือ หน้าสรุปการซื้อและใบเสร็จออนไลน์อะไรงี๊ ก็วัดที่ Sales Conversion Rate ครับ
เรื่องตัววัดเป็นอีกตัว ที่น่าเอามาเป็น หัวข้อ ไว้จะนำมาลงให้อ่านกันครับ
ทำไมต้อง Landing Page ในเมือ Website เราก็มีหน้าเพจเป็นพันเป็นหมื่น ?
ก่อนมาพูดเรื่องนี้ มาคุย 3 คำต่อไปนี้กันก่อนครับ
- Webpage (เว็บเพจ) ก็คือ หน้าเว็บแต่ละหน้าในเว็บไซต์นั่นแหล่ะครับ ใน1 เว็บไซต์ อาจจะมี แค่ 1 หน้าเว็บเพจ หรือ เป็นร้อย เป็นพันเป็นหมื่น หน้าเว็บเพจ แล้วแต่เว็บไซต์ไหนจะมีข้อมูลนำเสนอมากน้อยแค่ไหน แต่ละหน้าก็จะมีลิ๊งก์ของตัวเอง (Hyperlink หรือ สั้นๆ ว่า Link)
- Homepage (โฮมเพจ ) ก็คือ Webpage หน้าแรก หน้าแรกนั่นเอง ฉะนั้น Homepage จึงเป็นเว็บเพจ ประเภทหนึ่งนั่นเอง
- Landing Page (แลนดิ้งเพจ) มักหมายถึง หน้าที่สร้างขึ้นมาเฉพาะกิจเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด มักมีอยู่ในเมนูของเว็บไซต์ หรือ หน้าใดๆ ของเว็บไซต์
ที่นี้ ทำไมไม่เอาหน้าเว็บที่มีอยู่ มาทำ Landing Page เช่น หน้าแรก หรือ ไม่ก็หน้าสินค้า
จริงๆ แล้วหากคุณไม่ได้ต้องการเพิ่มคนเข้าไปอ่านบทความ หรือ อ่านข่าว และไม่ได้มุ่งให้คนซื้อของ ลงทะเบียนอะไรพวกนี้ คุณก็ใช้หน้าที่มีอยู่ได้เช่น อยากให้คนอ่านบทความ เรื่อง วิธีการซื้อประกันรถยนต์ คุณก็ใช้หน้าบทความนี้เป็น Landing Page ก็ได้
แต่ถ้าอยากให้ แคมเปญของคุณ สร้าง Leads ให้มากขึ้น หน้าเว็บที่คุณต้องมีเนื้อหาเฉพาะ เจาะจงครับ เพราะ หากคุณใช้หน้าที่มีอยู่ สิ่งที่กลุ่มเป้าหมายจะเจอคือ
- ตัวเลือกเยอะแยะไปหมดในหน้าปกติ พอเข้าไปหน้าเหล่านั้น ก็จะเจอลิ๊งก์มากมาย ทำให้เค้ามีทางเลือก ไม่โฟกัสในสิ่งที่เราต้องการ อย่างน้อยเค้าก็จะคลิกลิ๊งก์โน่นนี่ในหน้านั้น ตามความพอใจ ไม่คลิกลงทะเบียน ซะที ไม่กดปุ่มซื้อซะที ฯลฯ
- หน้าปกติ มักไม่ค่อยมีสิ่งที่เรียกว่า Call-to-Action เท่าไหร่ เช่น การบอกให้ กดสั่งซื้อ การบอกให้กดลงทะเบียน กดทันทีรับทันที อะไรพวกนี้
แต่หน้าที่เป็น Landing Page ทำขึ้นมาเฉพาะ และหน้า Landing ที่ดี ต้องมี คำและปุ่มพวก Call-to-Action พวกนี้ครับ
ในเว็บไซต์ของ Neil Patel เคยให้ข้อมูลไว้ว่า หน้าเว็บที่เป็น Landing Page มุ่งทำเพื่อลง Ads จะได้ผลดีกว่า การใช้หน้าปกติที่มีอยู่ถึง 115% และ Leads จะเพิ่มขึ้นถึง 55% หากมี Landing Page 10-15 หน้า ใน 1 แคมเปญ (One company found their ad-specific landing pages outperformed their generic pages by 115%. And companies have seen a 55% increase in leads when increasing their number of landing pages from 10 to 15.)
จากรูปด้านบน จะเห็นว่า ทางซ้าย คือ หน้าแรกของ Kruboydigital.com เปิดมาจะมีลิ๊งก์บทความ เต็มไปหมด ผู้อ่านเลือกอ่านได้ ทำให้ตัวเลือกเยอะครับ หากแค่โปรโมทเว็บไซต์ ก็พอไหว เอาไปเป็น Landing Page ทำโฆษณา
แต่ทางขวา คือ 1 ในหน้า Landing Page ของ คอร์สเรียนสร้างเว็บไซต์+SEO ซึ่งเนื้อหาในหน้านี้ เน้น เรื่องการขายเป็น Sales Page เลยครับ แต่มี Call-to-Action คือการทัก LINE หากต้องการจองคอร์สในราคาพิเศษ เห็นมั้ยล่ะครับว่า โฟกัส จุดเดียว เรื่องเดียวคือ กดปุ่มทัก LINE OA
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
1. Unbounce.com
2. WIkipedia
3. Neil Patel
Pingback: Google Optimize ให้บริการวันสุดท้าย - Digital Marketing Matters! by KruboyDigital Somkiat Lilitprapun
Pingback: มีเว็บไซต์แล้ว ต้องสร้างเซล เพจ(Sales Page )มั้ย ? - Digital Marketing Matters! by KruboyDigital Somkiat Lilitprapun